วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2560

การใช้ other - others - the other - the others - another และสำนวนอื่นๆ ที่ใช้คำว่า other

วันนี้เราจะมาแชร์เทคนิคเล็กน้อยๆ ให้เพื่อนๆเข้าใจว่า other - others - the other - the others และ another ใช้ต่างกันยังไง บางคนอาจจะคิดใช่มั๊ยคะว่า ความหมายมันก็น่าจะเหมือนๆกัน แต่ทำไมวิธีใช้ถึงได้ซับซ้อนจังเล้ยยยยยย อ่านเท่าไหร่ก็งง ..... 555 ภาษาอังกฤษมันก็ชอบเป็นซะแบบนี้ คนเลยไม่ค่อยชอบกันเท่าไหร่เนอะ

จริงๆแล้วมันก็พอจะมีวิธีที่เข้าใจได้ง่ายๆอยู่เหมือนกันนะคะ อยากให้ทุกๆคนลองมาทำความเข้าใจตามวิธี ของ Grammar Unlocker ดูนะคะ เผื่อจะเข้าใจมันมากขึ้นอีกซักนิ๊ดดดก็ยังดี : )


เทคนิคเวลาต้องไปสู้รบกับ "other" ในสนามสอบสำหรับคนที่แปลไม่ค่อยได้นะคะ ถ้าใครแปลได้ แนะนำให้แปลดีกว่าน้าาา

1.   ดูว่าหลังคำกลุ่ม other, others …..มีคำนามต่อท้ายรึเปล่า
 -  YES  ตัดตัวเลือกที่หลัง other มี s ออก เช่น others the others
 -  NO   (ไปข้อ 2)
2. ลองแปลดูว่าเรารู้จำนวนที่แน่นอนรึเปล่า
> หน้า other ดูว่าโจทย์มีตัวเลขบอกชัดเจนรึเปล่า
-  YES  จะมี the หน้า other
-   NO   ไม่ต้องมี the หน้า other

> หลัง other ถ้าสิ่งที่เหลือ มีมากกว่า 1 ต้องมี s / ถ้ามีแค่ 1 ไม่ต้องมี s

> ถ้าโจทย์มี Some + Ns ส่วนใหญ่จะตอบ others หรือ other + Ns เพราะ Some แปลว่าบางคน/บางอย่าง ซึ่งเราไม่รู้ว่ามีกี่คน/กี่ชิ้น

> ประโยคคำถาม Can I have ….. (N เอกพจน์) หรือขอ Please give me ….. (N เอกพจน์จะตอบ another

> (than) any other…. ใช้ในการเปรียบเทียบ ส่วนมากจะใช้กับ  N เอกพจน์ 

3. ถ้าเป็นสำนวน ให้ดูความหมาย เพราะจะไม่เป็นไปตามตามกฎข้อ 1-2 คำที่จะเจอบ่อยๆ ได้แก่
      - other than (นอกจาก, ยกเว้น)      There is no way out other than the fire escape.
      - each other  (ซึ่งกันและกัน)
    
The two ladies smiled at each other.
      - every other day  (วันเว้นวัน)    My mother goes shopping every other day.

ถ้ามีอะไรสงสัย เกี่ยวกับ ตารางการใช้ other ก็ทักมาถามกันก็ได้นะคะ ยินดีให้คำปรึกษาทุกคนค่าาา 
E-mail       : grammarunlocker@gmail.com
Line          : @xqr4866s (อย่าลืมพิม @ ด้วยนะคะ) หรือคลิกที่ลิงค์ http://line.me/ti/p/%40xqr4866s 

Facebook :  grammarunlocker

วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

1-Minute Vocabularies >>>> ได้รับ รับมา ยอมรับ

คำศัพท์ที่มีความหมายว่า ได้รับ รับมา ยอมรับ ที่คนจะนิยมใช้กันก็คือ get กับ receive แต่ความจริงแล้วนอกเหนือจากนั้นยังมีอีกหลายคำนะคะ

get - gain - obtain - attain - earn - receive
accept - admit - acknowledge



get = ได้รับ แต่คำว่า get จะสามารถแปลได้อีกหลายความหมาย เช่น แปลว่าซื้อ แปลว่าป่วยด้วยโรค...
หรือแปลว่าเตรียมตัว ฯลฯ

gain = ได้รับสิ่งที่มีประโยชน์ การได้เพิ่มขึ้นมา
                    What do you hope to gain from the course?
                    Side effects of the drugs may include tiredness, headaches, or weight gain.

obtain = การได้รับผลที่เกิดจากความพยายามทำอะไรซักอย่าง หรือการขอ
                      In the second experiment they obtained a very clear result.

attain = การได้มาซึ่งความสำเร็จ การบรรลุผล
                     He has attained the highest score in his class.

earn = การได้ (เงิน) จากการทำงาน, การได้รับสิ่งที่ควรได้
                    I earn $80,000 a year.
                    It's been a tough months and I've earned a few weeks off.

receive = รับ (ใช้ทั่วๆไป)

accept = ยอมรับข้อตกลง รับข้อเสนอหรือคำเชิญ
                      We've offered her the job, and believe that she'll accept it.
                      Do you accept credit card?

admit = ยอมรับ ยอมให้เข้ามา สารภาพ (ยอมรับผิด)
                    She was admitted to hospital last night.
                     He admitted his guilt

acknowledge = ยอมรับ แสดงการยอมรับ หรือรับรู้
                                    The students acknowledged the authority of the student council.
                                    You must acknowledge the truth of her argument.

นอกจากคำในคลิป ก็ยังมีคำอื่นๆอีกน้าาา เช่น acquire = ได้มาเป็นเจ้าของ take = ได้มา รับมา เอาไป

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หวังว่าคลิปนี้จะช่วยให้เด็กๆที่่ไม่ชอบเรียนคำศัพท์ มีวิธีช่วยจำศัพท์ที่ง่ายขึ้น และรู้จักคำศัพท์มากขึ้นนะคะ คำศัพท์ set B จะเป็นการรวมศัพท์ที่มีความหมายเหมือนๆกัน นอกจากนี้จะมีคลิปการสอน grammar และสอนคำศัพท์ในรูปแบบอื่นๆอีก ช่วยติดตามกันด้วยนะค้าาา

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Participle ใช้ยังไง

"Participleเป็นเรื่องที่ออกสอบเยอะและบ่อยมากๆ โดยเฉพาะ ข้อสอบ ERROR ทั้งใน GAT O-NET ออกทุกปี  ส่วนมากคนจะแยกไม่ออก เพราะ ing กับ V3 ในภาษาอังกฤษใช้ได้หลายหน้าที่ แปลได้หลายความหมาย...แต่จริงๆแล้ว เรื่องนี้ถ้าเข้าใจหลัก ก็จะไม่ค่อยยาก บางทีแปลความหมายไม่ออก ก็ยังทำได้เลย....

สำหรับคนที่คิดว่าไม่ค่อยเข้าใจ หรือ ทำ error ไม่ค่อยได้ ลองดูวิธีตามนี้นะคะ ลองอ่านดู ใช้เวลาไม่นาน แต่น่าจะเข้าใจ 100% 


>> วิธีที่1 / แบบที่1 : ปกติแล้ว 1 ประโยค (1 ประธาน ไม่มีคำเชื่อมใดๆ) ก็จะมีกริยาได้ 1 ตัว ถ้าเราดูผ่านๆ แล้ว เห็น กริยา 2 ที่ ประโยคนั้น ERROR ! แน่ๆ
        * ถ้ารู้ว่าตัวไหนเป็น Verb ให้ดูว่า ระหว่าง Verb 2 ตัว มีคำมาเชื่อมมั๊ย หรือมี relative pronoun พวก that / which/ who ... รึเปล่า        
                                                        (ผิด) ประธาน...plays......is...
                                                        (ผิด) ประธาน...go......can..
                                                        (ถูก) ประธาน....is.."and"...wants
                                                        (ถูก) ประธาน....is.."that"...is
                                                        (ถูก) ประธาน....are.."where"...wants
                                                        (ถูก) ประธาน "that" / "who"....is.....","wants

          EX1. The baby is laughing happily is playing with her toys.
                   อ่านผ่านๆ จะเหมือนเข้าใจว่าเด็กหัวเราะเพราะว่ากำลังเล่นของเล่น แต่จริงๆ ผิด เพราะ ประโยคนี้ต้องมีใจความเดียว ระหว่างกริยา 2 ตัวไม่มีคำใดเชื่อมเลย แต่ประโยคจะถูก ทันที ถ้ามีคำเชื่อมตัวใดตัวนึง เช่น

            - The baby, who is laughing happily, is playing with her toys.
            - The baby is playing with her toys and  she is laughing happily


            EX2. The Paparazzi have been around (1) for more than 20 years, (2) but the business has grown in recent years (3)as there are now more magazines (4) focus on the lives of famous people.

                 สำหรับข้อนี้เจอกริยาอยู่หลายตัว เรามาดูไปทีละคู่นะคะ

                 - ระหว่าง have ....... has - ตรงนี้มีคำว่า but มาคั่น ถ้าเชคเรื่องความสอดคล้องกับประธานแล้ว ก็ถือว่าผ่าน (ประธานเอกพจน์/พหูพจน์ Paparazzi ถือว่าเป็นพหูพจน์นะจ๊ะ)
                 - ระหว่าง has ....... are - มี as เป็นตัว เชื่อม
                 - ระหว่าง are ....... focus - ไม่มีอะไรมาคั่น ข้อนี้เลยตอบ (4) focus

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
>> วิธีที่2 / แบบที่2 : ถ้าประโยคมีกริยาไปแล้ว เจอ , แต่ หลัง , ไม่ใช่ Ving / V3 ผิดเลย! หรือบางที เป็น Ving / V3 แล้ว ก็ให้เชคอีกทีว่าประธานทำเอง หรือถูกกระทำ ถึงประโยคยาวแค่ไหน หรือ แปลไม่ออก ยังไง ก็อาจจะหาคำตอบได้ ^__^

                     " , " ที่ควรส่งสัย คือ       -  S+V...... ,___________
                                                         -  S ,_____________, V

                     แต่ถ้าเป็น ,...,....,.... etc. แบบพวกยกตัวอย่าง จะไม่ถือเป็นเรื่องนี้นะคะ 555!

            EX1. This hotel (1) with a glass courtyard (2) is a modern interpretaion (3) of the siheyuan, (4) locate near the East Gate of the Forbidden City.

                     ตัวเลือกที่ 4 ตอนนี้ ผิดแน่ๆ ต้องเป็น Ving หรือไม่ก็ V3 เพราะ อยู่หลัง , และ ประโยคข้างหน้า มี is ไปแล้ว - ถ้าอยากแก้ ก็ดูว่าประธานทำเอง หรือ ถูกกระทำ

            EX2. The old building, (1) abandoning for a newer facility, was a war zone--a ruin of (2)overturned desks, textbooks, (3) TVs and other (4) equipment that could have been re-used.

                     ข้อนี้สังเกตเห็น ,_____________, มั๊ยคะ นอก ,__, มีกริยาแล้ว ทีนี้ abandon แปลว่า ละทิ้ง เรามาดูว่าประธานคืออะไร ทิ้งเอง หรือถูกทิ้ง - - - - The old building ตึก ต้องถูกทิ้งเนาะ ! -ข้อนี้เลยตอบ (1) แล้วแก้เป็น abandoned  * หลายคนไปตอบข้อ 4 อาจจะนึกว่าตามหลัง other ควรจะเป็นนามพหูพจน์ "นั่นก็ถูก" แต่ว่า equipment เป็นนามนับไม่ได้ เลยไม่ต้องเติม s

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

>> วิธีที่3 / แบบที่3 : จะเป็น participle ที่นำหน้าคำนามเลย แบบนี้ดูไม่ยากนะคะ ส่วนมากก็ ถ้าคำนามถูกกระทำจะเป็น V3 แต่จำไว้ว่า ไม่ใช่ทุกครั้งที่นามที่เป็นสัตว์ สิ่งของ จะใช้ V3

                 - broken car                         - overturned desk
                 - boiling water                     - burning building
                 - sleeping student               - working group


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ลองฝึกทำดูค่ะ

1. This (1) historical novel, (2)was written in Tamil, (3) tells the story of Arulmozhivarman, one of (4)the kings of the Chola Dynasty

2.My grandparents celebrated (1) their fiftieth wedding anniversary (2) at a mountain resort (3) where all guests (4) inviting could go skiing.

3. A (1) three-month-old baby in the back seat of a (2)steal car (3)was (4)found safe and sound Sunday night

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2559

การใช้ Relative Pronoun เวลาเจอในข้อสอบ


Relative Pronoun หรือ การใช้ wh- / that ในการขยายคำนาม เป็นลักษณะของข้อสอบที่ง่าย เจอบ่อย ทั้งในข้อสอบ Sentence Completion, Cloze test / Error identification  และสามารถหาคำตอบได้โดยแทบจะไม่ต้องแปล เราจึงไม่ควรเสียคะแนน 

ขั้นตอนแรก : จะรู้ได้ยังไงว่าโจทย์ข้อไหนเป็นเรื่องนี้ 
1. ดูจาก ตัวเลือก จะมี what / when /where / who/ whom/ whose / that (อาจจะมีประโยคต่อท้ายเพื่อให้ดูยากขึ้นหน่อย)
2. ช่องว่างที่ให้เติม มักจะ 
    - อยู่กลางประโยค
    - มี ,________, 
    - ตามหลังคำนาม

ขั้นตอนที่สอง : ดูว่าทำหน้าที่ขยายคำนาม(1) หรือเป็นคำถาม(2)
wh- ถ้าอยู่กลางประโยค จะทำหน้าที่ได้ 2 แบบ คือขยาย หรือเป็นคำถาม ซึ่งจะแปลและใช้ไม่เหมือนกัน

1. ถ้าทำหน้าที่ขยาย จะวางหลังคำนาม และแปลว่า คนที่ ที่ที่ ชิ้นที่ เช่น 
    - I want to borrow the pen which you bought from Japan. 
      ฉันอยากขอยืมปากกาแท่งที่เธอซื้อมาจากญี่ปุ่น
    - There are a lot of children who don't like outdoor sports. 
      มีเด็กหลายคนที่ไม่ชอบกีฬากลางแจ้ง
     ถ้าข้อสอบเป็นลักษณะนี้ หรือในตัวเลือกมีคำว่า where / which / who / that เดี่ยวๆ วิธีทำข้อสอบคือ
       1.1  ดูคำนามที่อยู่ด้านหน้า ว่าเป็น คน หรือ สัตว์-สิ่งของ หรือ สถานที่
       1.2  ถ้าเป็น สัตว์ สิ่งของ  ตอบ which
       1.3  ถ้าเป็น สถานที่ ตอบ where 
       1.4*ถ้าเป็นคน มี 3 คำตอบที่เป็นไปได้ คือ who whom whose ซึ่งเราจะเลือกใช้ได้โดยดูคำที่อยู่หลังช่องว่าง
               who จะใช้เมื่อ คำที่ตามมา เป็นกริยา เช่น The woman ___ is reading.....
               whom จะใช้เมื่อ คำที่ตามมา เป็นประธาน เช่น The woman ___ I talked to ......
               whose จะใช้เมื่อ คำที่ตามมา เป็นคำนาม เช่น The woman ___ is reading.....

              * อีกคำที่ควรรู้จักไว้ คือคำว่า those ถ้าเจอ those ขึ้นต้นประโยค จะหมายถึง คน (ใครก็ตามที่...)

     NOTE *  - ถ้าไม่มีคำตอบที่ถูก สามารถตอบ that ได้กับทั้ง คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่
                     - ถ้ามีทั้งคำตอบที่ถูก และมี that ด้วย จำไว้ว่า 
                        1. จะไม่ใช้ that เมื่อมี comma (,)  
                        2. that มักจะไม่ใช้กับ proper noun หรือ นามที่เป็นชื่อเฉพาะ แต่มักจะใช้กับนามทั่่วๆไปและมักจะมี the นำหน้า เช่น          
                            the boy that ...     the restaurant that    The color that .....


2. ถ้าทำหน้าที่เป็นเหมือนคำถาม (indirect question)ซึ่งอยู่ซ้อนในประโยคอื่นๆ เช่น คุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ไหน บอกฉันได้ไหมว่าคุณชื่ออะไร
แต่เวลาถาม จะต่างจากปกติที่เราถามเช่น คุณอยู่ที่ไหน ปกติจะถามว่า Where are you? แต่เมื่อไหร่ที่คำถามไปซ้อนกลางประโยค จะมีการสลับที่กริยากับประธาน กลายเป็นถามว่า Can you tell me where you are?
ถ้าข้อสอบเป็นลักษณะนี้ ตัวเลือกอาจจะเป็น wh- และตามด้วยประโยคยาวๆนิดนึง เช่น 
     a. why he did tell you           b. why did he tell you
     c. why he told you                d. why can he tell you

ถ้าเจอคำถามลักษณะนี้ สิ่งที่ควรรู้ข้อแรกเลยคือ มันจะไม่เหมือนกับประโยคคำถามปกติที่เราใช้ เช่น ปกติ who are you ก็จะไม่ใช่คำตอบที่ถูก หรือถ้าเราไม่รู้จริงๆว่าปกติเค้าถามกันยังไง ให้สังเกตุเลยว่า
1. wh- (รวมถึง how ด้วย) จะไม่ตามด้วย กริยา
  เช่น       a. why he did tell you           b. why did he tell you
               c. why he told you                d. why can he tell you
  ข้อที่ตัดไปได้ทันทีเลย คือข้อ b. และ d. เพราะ why ตามด้วย กริยา did, can

2. จะไม่เจอกริยาช่วย do /does/did แต่ใช้กริยาตามประธาน หรือ ตามเวลาไปเลย เช่น 
   what did he say --> She asked me what he said. (ตัด did ออก แต่เปลี่ยน say เป็นรูปอดีต คือ said)
   where does he live --> I want to know where he lives.
   what did you do --> Can you tell me what you did.

3. ข้อสังเกตุอื่นๆ 
- how  to แปลว่า .....ยังไง เช่น I don't know how to drive. (ฉันไม่รู้ว่าขับรถยังไง)
- มีเฉพาะ who / which ที่อาจจะตามด้วยกริยาได้
- ถ้าเจอ what อยู่กลางประโยคจะหมายถึง อะไรที่.../สิ่งที่... เช่น this is what I like. (นี่คือสิ่งที่ฉันชอบ)


ถ้าอ่านทำความเข้าใจแล้ว อาจจะดูจากแผนภาพด้านบนเพื่อให้ง่ายเวลาจะจำไปใช้นะคะ!! ด้านบนที่ออกโทนสีส้ม จะมีโอกาสเจอเยอะมากๆในข้อสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไป เช่น ข้อสอบ error o-net / GAT ข้อสอบ TOEIC แต่ถ้าข้อสอบโหดหน่อยก็จะเจอลักษณะที่เป็น indirect question หรือสีฟ้าๆ ด้านล่างนะคะ

* สำหรับการใช้ in which - at which - of which อะไรพวกนี้ จะมา updateเพิ่มให้เร็วๆนี้นะคะ

หากมีอะไรสงสัยสอบถามมาได้หลายช่องทางนะคะ 
blog   : https://2ueng.blogspot.com
gmail : two.u.english@gmail.com / G+ : TwouEnglish
facebook : 2UEnglish

ตัวอย่างโจทย์เรื่อง Relative Pronoun (ลองทำกันดูนะคะ เฉลยอยู่ด้านล่างค่าาา)
1. She is the woman ________ he always talks about.
2. Is this the umbrella _____________you lost ? 
3. The man _____________is sitting by the door takes a break. 
4. He reminds me of someone _____________I used to know. 
5. The children played in the snow _____________had fallen during the night. 
6. He is the doctor _____________I will see this afternoon. 
7. John is the boy _____________father is a painter. 
8. She is the girl _____________I saw at the party last night. 
9. The student _____________lent you his book, speaks Italian. 
10. The boy to _____________you spoke is my cousin. 
11. Marco Polo was a young traveler _____________father was a rich man. 
12. This is the painting _____________Mr.Cool showed us last week. 
13. The gloves _____________I lost at school yesterday were not my best ones. 
14. The doctor _____________she visited is famous. 
15. The flowers _____________my boyfriend gave me have died. 
16. She doesn't know the person _____________they mentioned. 
17. The magazine _____________you lent me is interesting. 
18. The man _____________is resting is very tired. 
19. The boy _____________sat next to you is my friend. 
20. We are using books _____________were printed last year.

21. The preservation of ancient buildings and historical sites is a task ______ requires both time and commitment.
      1.who       2.whom    3. whose     4. which
22. They are discussing about _________________.
      1. how should the new product be promoted.      2. how the new product does promote.
      3. how does the new product should promoted.     4. how the new product should be promoted.
23. They are presenting about ______________to make tomato puree.
      1. whom      2.that      3. how      4. what
24.  4. The detective needed to find the answer to _______________
      1. why did the criminal kill the man       2.why the criminal killed the man
      3. why is the criminal killing the man      4.why the criminal is killed the man
25. Those_____have not yet made the payment should do so at once.
     1. who     2.whom   3. whose   4. which


เฉลย
1.whom 2.which 3.who 4.whom 5.which 6.whom 7.whose 8.whom 9.who 10.whom 11.whose 12.which 13.which 14.whom 15.which 16.whom 17.which 18.who 19.who 20.which
21. ตอบ 4
22. ตอบ 4
23. ตอบ 3
24. ตอบ 2
25. ตอบ 1








วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รากศัพท์ (วิธีช่วยจำศัพท์ที่ดี) : dic-dict : to say

      ถ้าเรารู้รากศัพท์ มันจะดีกว่าเราท่องศัพท์เป็นคำๆเพราะการเรียนรากศัพท์ 1 ตัว สามารถทำให้เรารู้คำศัพท์อื่นๆไม่น้อยกว่า 5 คำ เพราะเมื่อไหร่ที่คำมีรากศัพท์เดียวกัน ก็จะแปลไปในทิศทางเดียวกัน มันสามารถช่วยได้มากๆโดยเฉพาะกับคำที่ยาวๆ เช่น unbelievable forgettable notification visualization 
     เมื่อเรารู้ความหมายของคำว่า act ย่อมจะทำให้เราเข้าใจความหมายของคำว่า action, active, actor, acting, reaction, activity ไปด้วย คล้ายๆกับภาษาไทยที่ถ้าเรารู้คำว่า ครู/ครุ/ คุรุ แปลว่า ครู ก็จะพอเดาความหมายของคำว่า คุรุสภา, ครุศาสตร์, ครุภัณฑ์ ได้

รากศัพท์ของวันนี้คือ " dic-dict "


คำที่มีรากศัพท์ "dic-dict" แล้วใช้บ่อยๆ ได้แก่
1. predict (v.- กริยา) : คำนี้ประกอบขึ้นจากคำว่า pre (ที่แปลว่าก่อน เช่น pretest) + dict (บอก) รวมกันแล้วจะแปลว่า บอกก่อน บอกล่วงหน้า หรือ ทำนาย นั่นเอง ถ้าเปิดพจนานุกรมแล้วแปลหรูๆหน่อยอาจจะแปลว่าพยากรณ์ ซึ่งค่อนข้างเป็นปัญหากับการท่องจำเพราะเป็นคำที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆ ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจกับรากศัพท์ การผสมคำ แล้วจะทำให้เราจำคำศัพท์ได้ดี และ ใช้ได้อย่างถูกต้อง นอกจาก predict ยังมี prediction (suffix-tion แปลว่า การ/ความ) เป็นคำนาม แปลว่า การทำนาย/ คำทำนาย, predictable (suffix-able แปลว่า สามารถ) เป็น adjective หรือ คำคุณศัพท์ แปลว่า ซึ่งสามารถทำนายได้ เช่น The result is predictable . (ผลการแข่งขันครั้งนี้คาดเดาได้)

2. dictionary (n-คำนาม) : พจนานุกรม เวลาเราอยากจะรู้ความหมายอะไรก็ดูใน dictionary แล้วมันก็จะบอกความหมายเรา และถ้าดูที่ความหมายภาษาไทยก็ยังมีคำว่า พจนะ ที่มีความหมายว่า คำพูด/ ถ้อยคำ อีกด้วย

3. indicate (v.- กริยา) : คำนี้แปลว่า บอก, ชี้, แสดงให้เห็นว่า ส่วนมากนิยมใช้ในการอธิบายกราฟต่างๆ ประมาณว่า "แผนภาพนี้แสดงให้เห็นว่า" "The diagram indicates that... "  แต่ถ้าเป็นเด็กวิทย์ น่าจะคุ้นเคยกับคำว่า indicator เวลาทำแลป หรือเรียนเรื่องกรด-เบส น่าจะได้ยินคำนี้บ่อยๆ เพราะมันเป็นตัวที่จะบอกได้ว่าในสารละลายมีค่าเป็นกรดหรือเบส เช่น ฟีนอล์ฟทาลีน จะไม่มีสีเมื่ออยู่ในสารละลายกรด และจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู เมื่ออยู่ในสารละลายเบสที่มี pH 8.3

4. dictation (n-คำนาม) :  หลายๆโรงเรียนคงมีการ สอบคำศัพท์ตามครูบอก หรือ dictation นั่นเอง และคำๆเดียวกันนี้ จะถูกนำไปใช้เมื่อพูดถึงการปกครองรูปแบบหนึ่งที่มีผู้นำ คอยบอกๆๆ แล้วคนต้องทำตามซึ่งหมายถึงการปกครอง ระบอบผเด็จการ หรือ dictatorship

และนี่คือคำศัพท์ที่น่าสนใจและคิดว่าเพื่อนๆ น้องๆ น่าจะสามารถนึกถึงชีวิตจริงแล้วคิดตามไปพร้อมๆกันได้นะคะ ......



........หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนนะคะ แล้วก็อย่าลืมรอติดตาม รากศัพท์ตัวต่อๆไปด้วยนะคะ ... 2U ENGLISH   (._. )'